ทำความเข้าใจเนื้อหากับแบบทดสอบ

1. ข้อใดคือลักษณะการบรรเลงเพลงไทยเดิม

   1.   ?    ขับร้องสลับบรรเลง
   2.   ?    ขับร้องพร้อมบรรเลง
   3.   ?    บรรเลงอย่างเดี่ยว
   4.   ?    ถูกทุกข้อ

2. บทเพลงที่ไม่มีการขับร้องเรียกว่า

   1.   ?    เพลงบรรเลงล้วน
   2.   ?    เพลงขับร้อง
   3.   ?    เพลงขับร้องประกอบการบรรเลง
   4.   ?    ถูกทุกข้อ

3. เพลงบรรเลงล้วน มีลักษณะเป็นอย่างไร

   1.   ?    เพลงที่ใช้เครื่องดนตรีบรรเลงล้วนๆ
   2.   ?    เพลงที่ขับร้องสลับบรรเลง
   3.   ?    เพลงที่ขับร้องอย่างเดียว
   4.   ?    ถูกทุกข้อ

4. ข้อใดไม่ใช่ประเภทของเพลงบรรเลง

   1.   ?    เพลงโหมโรง เพลงหน้าพาทย์ บรรเลงอย่างเดียว
   2.   ?    เพลงเรื่อง เพลงหางเครื่อง บรรเลงอย่างเดียว
   3.   ?    เพลงลูกบท และเพลงภาษา บรรเลงอย่างเดียว
   4.   ?    เพลง เถา เพลงตับ บรรเลงสลับขับร้อง

5. บทเพลงที่มีการขับร้องสลับดนตรีที่บรรเลงเรียกว่า

   1.   ?    เพลงบรรเลงล้วน
   2.   ?    เพลงขับร้อง
   3.   ?    เพลงขับร้องประกอบการบรรเลง
   4.   ?    ถูกทุกข้อ

6. เพลงรับร้องมีความหมายว่าอย่างไร

   1.   ?    เพลงบรรเลงล้วน
   2.   ?    เพลงร้อง
   3.   ?    เพลงขับร้องประกอบการบรรเลง
   4.   ?    ถูกทุกข้อ

7. ข้อใดไม่ใช่เพลงขับร้องสลับดนตรี

   1.   ?    เพลงโหมโรง เพลงหน้าพาทย์ บรรเลงอย่างเดียว
   2.   ?    เพลงเรื่อง เพลงหางเครื่อง บรรเลงอย่างเดียว
   3.   ?    เพลงเถา เพลงตับ เพลงสองชั้น (เพลงเกร็ด)เพลงระบำ บรรเลงสลับขับร้อง
   4.   ?    ข้อ a และ b ถูก

8. เพลงใดที่ใช้บรรเลงเป็นอันดับแรกก่อนที่จะมีการบรรเลงเพลงอื่นหรือจะเริ่มแสดงมหรสพต่างๆ

   1.   ?    เพลง เรื่อง
   2.   ?    เพลงเดี่ยว
   3.   ?    เพลงโหมโรง
   4.   ?    เพลงหางเครื่อง

9. “เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อครูดนตรีไทย,เพื่อเป็นการอัญเชิญเทพยดา ,เป็นการเตรียม จัด ปรับ แต่งเครื่องดนตรี ให้พร้อม สำหรับที่จะใช้บรรเลงต่อไป ,เป็นการอุ่นเครื่องนักดนตรีให้พร้อมที่จะบรรเลงเพลงต่อไป,เป็นการให้เสียงนักร้อง (กำหนดคีย์) ช่วยให้นักร้อง ร้องเพลงได้ตรงกับระดับเสียงของวงดนตรีที่บรรเลง ข้อความต่อไปนี้หมายถึงความหมายของบทเพลงประเภทใด

   1.   ?    เพลง เรื่อง
   2.   ?    เพลงเดี่ยว
   3.   ?    เพลงโหมโรง
   4.   ?    เพลงหางเครื่อง

10. เพลงหน้าพาทย์บรรเลงเป็นชุด บรรเลงก่อนพิธีกรรมในงานมงคลจะเริ่มขึ้น
    ใช้วงปี่พาทย์ไม้แข็งบรรเลง ใช้ทั้งในพระราชพิธีของพระมหากษัตริย์ และพิธีของสามัญชน เช่น งานทำบุญบ้านใหม่ งานบวช งานโกนผม หมายถึงเพลงประเภทใด
    

    1.   ?    โหมโรงพิธีกรรม
    2.   ?    โหมโรงเสภา
    3.   ?    โหมโรงวา
    4.   ?    ถูกทุกข้อ

11. ข้อใดคือความสำคัญของเพลงประเภทโหมโรง

    1.   ?    เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อครูดนตรีไทย ,อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธ์นำความเป็นสิริมงคลให้เกิดแก่งาน
    2.   ?    เป็นการเตรียม จัด ปรับ แต่งเครื่องดนตรี ให้พร้อม สำหรับที่จะใช้บรรเลงต่อไป
    3.   ?    เป็นการอุ่นเครื่องนักดนตรีให้พร้อมที่จะบรรเลงเพลงต่อไป ,เป็นการให้เสียงนักร้อง
    4.   ?    ถูกทุกข้อ

12. ข้อใดคือบทเพลงในชุดโหมโรงเย็น

    1.   ?    สาธุการ , ตระหญ้าปากคอก , รัวสามลา , เข้าม่าน , ปฐม , ลา
    2.   ?    เสมอ , รัวลาเดียว, เชิด, กลม ,ชำนาญ, กราวใน, ต้นชุบ ,จบด้วย ลา
    3.   ?    สาธุการ , เหาะ, รัวลาเดียว ,กลม , ชำนาญ
    4.   ?    ข้อ a และ b ถูก

13. ข้อใดคือบทเพลงในชุดโหมโรงเช้า

    1.   ?    สาธุการ , ตระหญ้าปากคอก , รัวสามลา , เข้าม่าน , ปฐม , ลา
    2.   ?    เสมอ , รัวลาเดียว, เชิด, กลม ,ชำนาญ, กราวใน, ต้นชุบ ,จบด้วย ลา
    3.   ?    สาธุการ , เหาะ, รัวลาเดียว ,กลม , ชำนาญ
    4.   ?    ถูกทุกข้อ

14. โหมโรงเย็นใช้กับวงปี่พาทย์ไม้แข็งบรรเลงในโอกาศใด

    1.   ?    ใช้สำหรับงานที่มีการทำบุญเลี้ยงพระตอนเช้า ใช้บรรเลงก่อน ที่พระจะมา
    2.   ?    สำหรับงานที่มีการนิมนต์พระมาสวดตอนเย็น ใช้บรรเลงก่อน ที่พระจะมาถึงบ้านงาน
    3.   ?    ใช้สำหรับงานที่มีการจัดพระธรรมเทศนา บรรเลงเพื่อให้ทราบว่า ที่บ้าน หลังนี้ หรือที่วัดนี้ จะมีพระธรรมเทศนา
    4.   ?    ถูกทุกข้อ

15. โหมโรงเช้าใช้กับวงปี่พาทย์ไม้แข็งบรรเลงในโอกาศใด

    1.   ?    ใช้สำหรับงานที่มีการทำบุญเลี้ยงพระตอนเช้า ใช้บรรเลงก่อน ที่พระจะมา
    2.   ?    สำหรับงานที่มีการนิมนต์พระมาสวดตอนเย็น ใช้บรรเลงก่อน ที่พระจะมาถึงบ้านงาน
    3.   ?    ใช้สำหรับงานที่มีการจัดพระธรรมเทศนา บรรเลงเพื่อให้ทราบว่า ที่บ้าน หลังนี้ หรือที่วัดนี้ จะมีพระธรรมเทศนา
    4.   ?    ถูกทุกข้อ

16. ขั้นตอนการบรรเลงเพลงโหมโรงเสภานั้นมีขั้นตอนการบรรเลงอย่างไร

    1.   ?    บรรเลงรัวประลองเสภา , บรรเลงเพลงโหมโรงวา เป็นเพลงท่อนเดี่ยว หรือจะเอา ๒-๓ เพลงมาบรรเลงติดต่อกันเป็น
       ชุดสั้น ๆ , ท้ายเพลงวา
    2.   ?    บรรเลงเพลงโหมโรงวา เป็นเพลงท่อนเดี่ยว หรือจะเอา ๒-๓ เพลงมาบรรเลงติดต่อกันเป็น ชุดสั้น ๆ,บรรเลงรัวประลองเสภา , ท้ายเพลงวา
    3.   ?    ท้ายเพลงวา , บรรเลงรัวประลองเสภา ,บรรเลงเพลงโหมโรงวา เป็นเพลงท่อนเดี่ยว หรือจะเอา ๒-๓ เพลงมาบรรเลงติดต่อกันเป็น ชุดสั้น ๆ
    4.   ?    บรรเลงรัวประลองเสภา , ท้ายเพลงวา , บรรเลงเพลงโหมโรงวาเป็นเพลงท่อนเดี่ยว หรือจะเอา ๒-๓ เพลงมาบรรเลงติดต่อกันเป็น ชุดสั้น ๆ

17. ความแตกต่างของโหมโรงวา กับโหมโรงเสภาคือข้อใด

    1.   ?    โหมโรงวาไม่มีรัวประลองบรรเลงก่อน , โหมโรงเสภามีรัวประลองเสภาบรรเลงก่อน
    2.   ?    โหมโรงวาขึ้นต้นด้วยเพลงท้ายวา ,โหมโรงเสภามีรัวประลองเสภาบรรเลงก่อน
    3.   ?    โหมโรงวาขึ้นต้นด้วยท้ายวา,โหมโรงเสภาจบด้วยท้ายวา
    4.   ?    ถูกทุกข้อ

18. ในการแสดงโขน ละครนั้น เพลงที่ใช้ประกอบการแสดง คือ เพลงหน้าพาทย์ นักเรียนคิดว่า ข้อใดเป็นสาเหตุที่ต้องใช้เพลงหน้าพาทย์ประกอบการแสดงโขน ละคร

    1.   ?    เพราะเพลงหน้าพาทย์เป็นเพลงชั้นสูง จึงเหมาะการแสดงนาฏศิลป์ชั้นสูงอย่างโขน ละคร
    2.   ?    เพราะเพลงหน้าพาทย์ เป็นเพลงที่ใช้บรรเลงประกอบกิริยา อาการของตัวละคร
    3.   ?    เพราะท่วงทำนองของเพลงหน้าพาทย์ จะช่วยให้การแสดงมีความสมจริงมากยิ่งขึ้น
    4.   ?    เป็นสิ่งที่บรมครูทางดนตรีไทยและนาฏศิลป์ได้ร่วมกันกำหนดไว้ตั้งแต่โบราณและได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน

19. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับระดับขั้นของเพลงเพลงหน้าพาทย์

    1.   ?    เพลงหน้าพาทยชั้นต้น ( สามัญ ) ได้แก่ เพลงเชิด เสมอ กราวใน กราวนอก โอด ลา ปฐม
    2.   ?    เพลงหน้าพาทย์ชั้นกลาง ได้แก่ เพลงเหาะ เสมอเถร ตระบองกัน ชำนาญ ตระนอน ตระนิมิต พราหมณ์เข้า พราหมณ์ออก ศรทนง กลม โคมเวียน
    3.   ?    เพลงหน้าพาทย์ชั้นสูง ได้แก่ ตระพระนารายน์ , ตระพระปรคนธรรพ องค์พระพิราพ
    4.   ?    ถูกทุกข้อ

20. การนำเพลงหน้าพาทย์ชั้นต้นไปใช้บรรเลงคือข้อใด

    1.   ?    ประกอบกิริยาอาการของมนุษย์หรือสัตว์
    2.   ?    ประกอบกิริยาบุคคลชั้นสูง เช่น พระมหากษัตริย์ เทพเจ้าทั่วไป
    3.   ?    ประกอบอริยาบทของเทพเจ้าผู้สูงศักด(ความเชื่อทางศาสนาพราหมณ์ )ได้แก่พระอินทร์ พระพรหม พระนารายน์ ,พระปรคนธรรพ ในพิธีไหว้ครู โขน - ละคร และดนตรีไทย
    4.   ?    ถูกทุกข้อ

21. การนำเพลงหน้าพาทย์ชั้นกลางไปใช้บรรเลงคือข้อใด

    1.   ?    ประกอบกิริยาอาการของมนุษย์หรือสัตว์
    2.   ?    ประกอบกิริยาบุคคลชั้นสูง เช่น พระมหากษัตริย์ เทพเจ้าทั่วไป
    3.   ?    ประกอบอริยาบทของเทพเจ้าผู้สูงศักด(ความเชื่อทางศาสนาพราหมณ์ )ได้แก่พระอินทร์ พระพรหม พระนารายน์ ,พระปรคนธรรพ ในพิธีไหว้ครู โขน - ละคร และดนตรีไทย
    4.   ?    ถูกทุกข้อ

22. การนำเพลงหน้าพาทย์ชั้นสูงไปใช้บรรเลงคือข้อใด

    1.   ?    ประกอบกิริยาอาการของมนุษย์หรือสัตว์
    2.   ?    ประกอบกิริยาบุคคลชั้นสูง เช่น พระมหากษัตริย์ เทพเจ้าทั่วไป
    3.   ?    ประกอบอริยาบทของเทพเจ้าผู้สูงศักด(ความเชื่อทางศาสนาพราหมณ์ )ได้แก่พระอินทร์ พระพรหม พระนารายน์ ,พระปรคนธรรพ ในพิธีไหว้ครู โขน - ละคร และดนตรีไทย
    4.   ?    ถูกทุกข้อ

23. ข้อใดคือความหมายของเพลงเรื่อง

    1.   ?    เพลงชุดที่นำเอาเพลงที่มีลักษณะใกล้เคียงกันมารวมกันบรรเลงติดต่อกันเป็นชุด
    2.   ?    เพลงใช้บรรเลงประกอบการแสดงโขนและละครในเรื่องอิริยาบถของตัวละคร.
    3.   ?    เพลงที่ใช้บรรเลงเป็นอันดับแรกก่อนที่จะมีการแสดงมหรสพต่างๆ หรือก่อนที่จะมีการบรรเลงและขับร้องเพลงอื่นๆต่อไป
    4.   ?    ถูกทุกข้อ

24. ข้อใดคือประเภทของเพลงเรื่อง

    1.   ?    เพลงเรื่องประเภทเพลงช้า เช่นเรื่องเต่ากินผักบุ้ง เรื่องจีนแส
    2.   ?    เพลงเรื่องประเภทเพลงเร็ว เช่น เรื่องแขกมัดตีนหมู เรื่องแขกบรเทศ
    3.   ?    เพลงเรื่องประเภทเพลงฉิ่ง เช่น เรื่องมุล่ง เรื่องช้างประสานงา
    4.   ?    ถูกทุกข้อ

25. ข้อใดคือความหมายของเพลงหางเครื่อง

    1.   ?    เพลงชุดที่นำเอาเพลงที่มีลักษณะใกล้เคียงกันมารวมกันบรรเลงติดต่อกันเป็นชุด
    2.   ?    เพลงใช้บรรเลงประกอบการแสดงโขนและละครในเรื่องอิริยาบถของตัวละคร.
    3.   ?    เพลงที่ใช้บรรเลงเป็นอันดับแรกก่อนที่จะมีการแสดงมหรสพต่างๆ หรือก่อนที่จะมีการบรรเลงและขับร้องเพลงอื่นๆต่อไป
    4.   ?    เป็นเพลงบรรเลงที่บรรเลงต่อท้ายเพลงเถา เป็นบทเพลงสั้นๆ ในอัตราจังหวะชั้นเดียวเพื่อให้สนุกสนาน ครึกครื้น

26. ข้อใดคือความหมายของเพลงเดี่ยว

    1.   ?    เพลงชุดที่นำเอาเพลงที่มีลักษณะใกล้เคียงกันมารวมกันบรรเลงติดต่อกันเป็นชุด
    2.   ?    เพลงใช้บรรเลงประกอบการแสดงโขนและละครในเรื่องอิริยาบถของตัวละคร.
    3.   ?    เป็นเพลงบรรเลงที่บรรเลงต่อท้ายเพลงเถา เป็นบทเพลงสั้นๆ ในอัตราจังหวะชั้นเดียวเพื่อให้สนุกสนาน ครึกครื้น
    4.   ?    เป็นเพลงพิเศษ ใช้สำหรับ บรรเลงเดี่ยวอวดฝีมือนักดนตรี