เลือกคำตอบที่ถูกต้อง

1. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช้องค์ประกอบของการสร้างเสียงดนตรี

   1.   ?    จังหวะ,ทำนอง,
   2.   ?    พื้นผิวของเสียง,สีสันของเสียง
   3.   ?    คีตลักษณ์
   4.   ?    ช่างสร้างเครื่องดนตรี

2. ดนตรีแต่ละชาติจะแตกต่างกันที่สิ่งใด

   1.   ?    กรอบวัฒนธรรม
   2.   ?    ความเชื่อ
   3.   ?    ประเพณี
   4.   ?    ถูกทุกข้อ

3. ข้อใดเป็นข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นสิ่งทำให้เสียงเกิดขึ้นได้อย่างไพเราะ

   1.   ?    ผู้บรรเลง
   2.   ?    เครื่องดนตรี
   3.   ?    การสั่นสะเทือนของอากาศที่เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ
   4.   ?    ข้อ a และ b

4. ข้อใดตอบได้ถูกต้องที่สุดของ เสียงอึกทึกเสียงรบกวน

   1.   ?    การสั่นสะเทือนของอากาศที่ไม่สม่ำเสมอ (Noise)
   2.   ?    ผู้บรรเลง
   3.   ?    เครื่องดนตรี
   4.   ?    ข้อ ข และ ค

5. ความแตกต่างของเสียงขึ้นอยู่กับคุณสมบัติข้อใด

   1.   ?    ระดับเสียง, ความยาวของเสียง
   2.   ?    ความเข้มของเสียง
   3.   ?    คุณภาพของเสียง
   4.   ?    ถูกทุกข้อ

6. ข้อใดตอบถูกต้องเกี่ยวกับระดับเสียง

   1.   ?    ความสูง-ต่ำของเสียง เกิดการจำนวนความถี่ของการสั่นสะเทือน
   2.   ?    ความยาว-สั้นของเสียงเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างยิ่งของการกำหนดลีลา จังหวะ
   3.   ?    ความหนักเบาของเสียงช่วยเกื้อหนุนเสียงให้มีลีลาจังหวะที่สมบูรณ์
   4.   ?    คุณภาพของแหล่งกำเนิดเสียงที่แตกต่างกันทำผู้ฟังสามารถแยกแยะสีสันของเสียงได้อย่างชัดเจน

7. ถ้าเสียงที่มีความถี่สูง ลักษณะการสั่นสะเทือนเร็วจะเกิดเสียงระดับใด

   1.   ?    สูง
   2.   ?    กลาง
   3.   ?    ต่ำ
   4.   ?    ถูกทุกข้อ

8. เสียงมีความถี่ต่ำ ลักษณะการสั่นสะเทือนช้าจะเกิดเสียงระดับใด

   1.   ?    สูง
   2.   ?    กลาง
   3.   ?    ต่ำ
   4.   ?    ถูกทุกข้อ

9. ข้อใดตอบถูกต้องเกี่ยวกับความสั้น-ยาวของเสียง(Duration)

   1.   ?    ความสูง-ต่ำของเสียง เกิดการจำนวนความถี่ของการสั่นสะเทือน
   2.   ?    ความยาว-สั้นของเสียงเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างยิ่งของการกำหนดลีลา จังหวะ
   3.   ?    ความหนักเบาของเสียงช่วยเกื้อหนุนเสียงให้มีลีลาจังหวะที่สมบูรณ์
   4.   ?    คุณภาพของแหล่งกำเนิดเสียงที่แตกต่างกันทำผู้ฟังสามารถแยกแยะสีสันของเสียงได้อย่างชัดเจน

10. ข้อใดต่อไปนี้สื่อให้เห็นความสั้นยาวของเสียงดนตรีไทย

    1.   ?    ตีกรอระนาด
    2.   ?    ดีดรัวจะเข้
    3.   ?    สีลากคันชักซอ
    4.   ?    ถูกหมดทุกข้อ

11. ข้อใดตอบถูกต้องเกี่ยวกับความเข้มของเสียง (Intensity)

    1.   ?    ความสูง-ต่ำของเสียง เกิดการจำนวนความถี่ของการสั่นสะเทือน
    2.   ?    ความยาว-สั้นของเสียงเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างยิ่งของการกำหนดลีลา จังหวะ
    3.   ?    ความหนักเบาของเสียงช่วยเกื้อหนุนเสียงให้มีลีลาจังหวะที่สมบูรณ์
    4.   ?    คุณภาพของแหล่งกำเนิดเสียงที่แตกต่างกันทำผู้ฟังสามารถแยกแยะสีสันของเสียงได้อย่างชัดเจน

12. ข้อใดตอบถูกต้องเกี่ยวกับคุณภาพของเสียง (Quality)

    1.   ?    ความสูง-ต่ำของเสียง เกิดการจำนวนความถี่ของการสั่นสะเทือน
    2.   ?    ความยาว-สั้นของเสียงเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างยิ่งของการกำหนดลีลา จังหวะ
    3.   ?    ความหนักเบาของเสียงช่วยเกื้อหนุนเสียงให้มีลีลาจังหวะที่สมบูรณ์
    4.   ?    คุณภาพของแหล่งกำเนิดเสียงที่แตกต่างกันทำผู้ฟังสามารถแยกแยะสีสันของเสียงได้อย่างชัดเจน

13. ปัจจัยที่ทำให้คุณภาพของเสียงเกิดความแตกต่างกันนั้น เกิดจากสิ่งใด

    1.   ?    วิธีการผลิตเสียง
    2.   ?    รูปทรงของแหล่งกำเนิดเสียง
    3.   ?    วัสดุที่ใช้ทำแหล่งกำเนิดเสียง
    4.   ?    ถูกทุกข้อ

14. จังหวะในรูปแบบองค์ประกอบของดนตรีข้อใดกล่าวถูกต้อง

    1.   ?    เป็นศิลปะของการจัดระเบียบเสียงที่เกี่ยวข้องกับความช้าเร็ว
    2.   ?    เป็นศิลปะของการจัดระเบียบเสียงที่เกี่ยวข้องกับความหนักเบา
    3.   ?    เป็นศิลปะของการจัดระเบียบเสียงที่เกี่ยวข้องกับความสั้น-ยาว
    4.   ?    ถูกหมดทุกข้อ

15. ข้อใดตอบถูกต้องที่สุดเกี่ยวกับ อิทธิพลของจังหวะที่มีผลต่อผู้ฟังในเชิงจิตวิทยา

    1.   ?    ตอบสนองเชิงกายภาพ เช่น ฟังเพลงแล้วแสดงอาการกระดิกนิ้ว ปรบมือร่วมไปด้วย
    2.   ?    ตอบสนองทางอารมณ์ทำให้ผู้ฟังเกิดความเคลิบเคลิ้ม
    3.   ?    ตอบสนองทางสติปัญญาทำให้ผู้ฟังเกิดความมีสมาธิ
    4.   ?    ถูกทุกข้อ

16. จังหวะภายในเป็นจังหวะที่เกิดจากข้อใด

    1.   ?    จังหวะที่เกื้อหนุนและแฝงอยู่ในลีลาทำนองได้แก่ ความช้า-เร็ว และลีลาจังหวะ
    2.   ?    จังหวะฉิ่งและจังหวะหน้าทับ
    3.   ?    จังหวะฉาบและโหม่ง
    4.   ?    ถูกทุกข้อ

17. อัตราของความช้าเร็ว ทั้งในดนตรีตะวันตกและดนตรีไทยตั้งอยู่บนพื้นฐานสิ่งใด

    1.   ?    กำหนดจังหวะจากผู้อำนวยเพลง
    2.   ?    จำนวนความถี่ของจังหวะเคาะต่อระยะเวลาที่เท่ากัน
    3.   ?    การ กำหนดจังหวะกับเครื่องเมโทรโนม (Metronome)
    4.   ?    ถูกทุกข้อ

18. จังหวะเคาะที่ดีจะมีลักษณะอย่างไร

    1.   ?    จังหวะเคาะที่ดีขึ้นอยู่กับอารมณ์ของผู้เคาะจังหวะ
    2.   ?    การเคลื่อนที่ของจังหวะเคาะจะเป็นอัตราที่สัมพันธ์กันหรือไม่สัมพันธ์กันก็ได้
    3.   ?    การเคลื่อนที่ของจังหวะเคาะจะเป็นอัตราที่ไม่สัมพันธ์กัน
    4.   ?    การเคลื่อนที่ของจังหวะเคาะจะเป็นอัตราที่สัมพันธ์กันอย่างสม่ำเสมอ

19. "เป็นศิลปะของการจัดระเบียบ ความหนัก-เบา (Accent) และความสั้นยาว (Duration) ของเสียง เสียงสั้นๆ ยาวๆ หรือเสียงหนักๆ เบาๆ จะประกอบอยู่ในส่วนประโยคและสลับสับเปลี่ยนกันไป ในวิถีแห่งการดำเนินของเพลงควบกับจังหวะ ดำเนินเป็นระยะๆ ตามแบบของการประพันธ์เพลง "
    ประโยคนี้หมายถึงส่วนใดของจังหวะ
    

    1.   ?    ลีลาจังหวะ
    2.   ?    ความช้าเร็ว
    3.   ?    จังหวะภายนอก
    4.   ?    ถูกหมดทุกข้อ

20. ข้อใดคือความแตกต่างของจังหวะภายในและภายนอก

    1.   ?    จังหวะภายนอกเป็นจังหวะเสริมเพิ่มเติมจากภายนอก จังหวะภายในได้จากลีลาของทำนอง
    2.   ?    จังหวะภายนอกได้จากลีลาของทำนอง จังหวะภายในเป็นจังหวะเสริมเพิ่มเติมจากภายนอก
    3.   ?    จังหวะภายนอกได้จากผู้ฟัง จังหวะภายในได้จากผู้บรรเลง
    4.   ?    ข้อ ก และ ค ถูก

21. จังหวะภายนอกมีหน้าที่ใด

    1.   ?    จังหวะภายนอกเป็นจังหวะที่เพิ่มเติมให้กับผู้บรรเลงดนตรีไม่ลืมบทเพลง
    2.   ?    จังหวะภายนอกเป็นจังหวะที่เพิ่มเติมให้กับลีลาทำนองได้มีสีสันมากขึ้น
    3.   ?    จังหวะภายนอกเป็นจังหวะที่เพิ่มเติมให้กับผู้อำนวยเพลง
    4.   ?    ถูกหมดทุกข้อ

22. จังหวะภายนอกของดนตรีไทยในรูปแบบองค์ประกอบดนตรี คือข้อใด

    1.   ?    จังหวะฉาบเล็ก จังหวะฉาบใหญ่
    2.   ?    จังหวะกรับ จังหวะโหม่ง
    3.   ?    จังหวะหน้าทับ จังหวะฉิ่ง
    4.   ?    ถูกทุกข้อ

23. แต่เดิมทีเดียววัตถุประสงค์หลักของหน้าทับ มีไว้เพื่อสิ่งใด

    1.   ?    ตีประกอบจังหวะฉิ่ง
    2.   ?    ตีประกอบบทเพลง
    3.   ?    วัดขนาดของบทเพลงว่า ขาดหรือเกินหรือไม่
    4.   ?    ถูกหมดทุกข้อ

24. " การจัดระเบียบของเสียงที่เกี่ยวข้องกับความสูง-ต่ำ ความสั้น-ยาว และความดัง-เบา คุณสมบัติเหล่านี้เมื่อนำมาปฏิบัติอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานของความช้า-เร็ว จะเป็นองค์ประกอบของดนตรีที่ผู้ฟังสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายที่สุด"
    ประโยคนี้นี้หมายถึงข้อใด
    

    1.   ?    เสียง
    2.   ?    พื้นฐานจังหวะ
    3.   ?    ทำนอง
    4.   ?    พื้นผิวของเสียง

25. ในเชิงจิตวิทยา สิ่งใดจะกระตุ้นผู้ฟังในส่วนของสติปัญญา มีส่วนสำคัญในการสร้างความประทับใจ จดจำ และแยกแยะความแตกต่างระหว่างเพลงหนึ่งกับอีกเพลงหนึ่ง

    1.   ?    เสียง
    2.   ?    ทำนอง
    3.   ?    พื้นฐานจังหวะ
    4.   ?    พื้นผิวของเสียง

26. ดนตรีไทยให้ความหมายของ "ลูกฆ้อง"(ทางฆ้อง) อย่างไร

    1.   ?    คือทำนองหลักเป็นเนื้อทำนองที่แท้จริงของเพลงไทยเดิม
    2.   ?    เป็นการเรียกตามวิธีการแต่งเพลงไทยที่ครูอาจารย์ผู้ประพันธ์
    3.   ?    การประดิษฐ์ทำนอง โดยยึดลีลาของทำนองฆ้องวงใหญ่เป็นหลัก
    4.   ?    ถูกหมดทุกข้อ

27. ขณะบรรเลงดนตรีไทยในเรื่องของ Melody ผู้บรรเลงเครื่องดนตรีประเภทต่างๆในวงต้องยืดถือเครื่องดนตรีชิ้นใดเป็นหลัก

    1.   ?    ระนาดทุ้ม
    2.   ?    ฆ้องวงใหญ่
    3.   ?    ระนาดเอก
    4.   ?    ฆ้องวงเล็ก

28. ฆ้องวงใหญ่ กับระนาดเอกแตกต่างกันอย่างไร ในเรื่อง (Melody)

    1.   ?    ฆ้องวงใหญ่มีหน้าที่ บรรเลงทำนองหลัก ระนาดเอกมีหน้าที่บรรเลงทำนองตกแต่ง
    2.   ?    ฆ้องวงใหญ่มีหน้าที่ บรรเลงพร้อมกับระนาดทุ้ม ระนาดเอกมีหน้าที่บรรเลงพร้อมกับฆ้องวงเล็ก
    3.   ?    ฆ้องวงใหญ่มีหน้าที่ บรรเลงพร้อมกับปี่ ระนาดเอกมีหน้าที่บรรเลงพร้อมกับฆ้องวงเล็ก
    4.   ?    ข้อ ข และ ค ถูก

29. " การประดิษฐ์ตกแต่ง ประดับประดาทำนองหลักหรือลูกฆ้องให้มีความไพเราะเหมาะสมกับเครื่องดนตรีแต่ละประเภท กระบวนการตกแต่งทำนองให้ไพเราะและเหมาะสมกับเครื่องดนตรีแต่ละเครื่องนี้เรียกว่า " การแปรทำนอง" ประโยคนี้หมายถึงข้อใด

    1.   ?    ทำนองหลัก
    2.   ?    ทำนองลอง
    3.   ?    ทำนองตบแต่ง
    4.   ?    ถูกหมดทุกข้อ

30. "การสร้างทำนองจะกระทำโดยผู้ประพันธ์เพลง โดยผู้ประพันธ์เพลงจะแยกแยะลีลาทำนองของเครื่องดนตรีแต่ละชนิดให้อย่างสมบูรณ์ นักดนตรีเพียงทำหน้าที่ใช้ความสามารถถ่ายทอดโน้ตผ่านสื่อเครื่องดนตรีออกมาเป็นเสียง"
    บทความนี้เป็นวิธีการสร้างทำนอง ของดนตรีแนวใด
    

    1.   ?    ดนตรีไทย
    2.   ?    ดนตรีมอญ
    3.   ?    ดนตรีตะวันตก
    4.   ?    ดนตรีตะวันตก

31. กระบวนการสร้างทำนองเกิดจากบุคคล ๒ กลุ่ม คือ ผู้ประพันธ์ทำนองหลักและนักดนตรีผู้แปรทำนอง ตามระเบียบวิธีการของการบรรเลงดนตรี ผู้บรรเลงเครื่องดนตรีประเภทต่างๆ จะใช้ภูมิปัญญา ปฏิภาณไหวพริบ และทักษะประดับตกแต่งทำนองลูกฆ้องให้เหมาะสมกับทาง (ลีลา) ของเครื่องดนตรีที่ตนกำลังบรรเลงอยู่ โดยยึดกรอบของทำนองลูกฆ้องเป็นเกณฑ์ ลีลาการบรรเลงของเครื่องดนตรีที่ต่างกันนี้เรียกว่า " ทาง"
    บทความนี้เป็นวิธีการสร้างทำนอง ของดนตรีแนวใด
    

    1.   ?    ดนตรีไทย
    2.   ?    ดนตรีมอญ
    3.   ?    ดนตรีตะวันตก
    4.   ?    ดนตรีเขมร

32. " ลักษณะหรือรูปแบบของเสียงทั้งที่ประสานสัมพันธ์และไม่ประสานสัมพันธ์ โดยอาจจะเป็นการนำเสียงมาบรรเลงซ้อนกันหรือพร้อมกัน ซึ่งอาจพบทั้งในแนวตั้งและแนวนอน ตามกระบวนการประพันธ์เพลง" บทความนี้หมายถึงข้อใด

    1.   ?    พื้นผิวเสียง
    2.   ?    เสียง
    3.   ?    พื้นฐานจังหวะ
    4.   ?    ทำนอง

33. Monophonic Texture หมายความถึงข้อใด

    1.   ?    เป็นลักษณะพื้นผิวของเสียงที่มีแนวทำนองเดียว ไม่มีเสียงประสาน
    2.   ?    เป็นลักษณะพื้นผิวของเสียงที่ประกอบด้วยแนวทำนองตั้งแต่สองแนวทำนองขึ้นไป โดยแต่ละแนวมีความเด่นและเป็นอิสระจากกัน
    3.   ?    เป็นลักษณะพื้นผิวของเสียง ที่ประสานด้วยแนวทำนองแนวเดียว โดยมี กลุ่มเสียง (Chords) ทำหน้าที่สนับสนุน
    4.   ?    เป็นรูปแบบของแนวเสียงที่มีทำนองหลายทำนอง แต่ละแนวมีความสำคัญเท่ากันทุกแนว

34. ข้อใดเป็นรูปแบบการใช้แนวเสียงของดนตรีในยุคแรกๆ ของดนตรีในทุกวัฒนธรรม

    1.   ?    Heterophonic Texture
    2.   ?    Homophonic Texture
    3.   ?    Polyphonic Texture
    4.   ?    Monophonic Texture

35. ในวัฒนธรรมดนตรีตะวันตก Monophonic Texture มีพัฒนาการมาจากสิ่งใด

    1.   ?    เพลงสรรเสริญพระเยซู
    2.   ?    เพลงสรรเสริญพระแม่มารี
    3.   ?    เพลงสวดในศาสนพิธีของชาวคริสเตียน ซึ่งเรียกว่าเพลงชานท์ ( Chant หรือ Plainsong)
    4.   ?    ถูกทุกข้อ

36. ดนตรีแนวที่มีพื้นผิวเสียงแนว Monophonic Texture ถ้าเปรียบกับดนตรีไทยถือว่าอยู่ในกลุ่มเพลงใด

    1.   ?    ขับร้องเพลงไทย
    2.   ?    เดี่ยวซอด้วง
    3.   ?    เดี่ยวปี่
    4.   ?    ถูกทุกข้อ

37. Polyphonic Texture หมายความถึงข้อใด

    1.   ?    เป็นลักษณะพื้นผิวของเสียงที่มีแนวทำนองเดียว ไม่มีเสียงประสาน
    2.   ?    เป็นลักษณะพื้นผิวของเสียงที่ประกอบด้วยแนวทำนองตั้งแต่สองแนวทำนองขึ้นไป โดยแต่ละแนวมีความเด่นและเป็นอิสระจากกัน
    3.   ?    เป็นลักษณะพื้นผิวของเสียง ที่ประสานด้วยแนวทำนองแนวเดียว โดยมี กลุ่มเสียง (Chords) ทำหน้าที่สนับสนุน
    4.   ?    เป็นรูปแบบของแนวเสียงที่มีทำนองหลายทำนอง แต่ละแนวมีความสำคัญเท่ากันทุกแนว

38. " มีวิวัฒนาการมาจากเพลงชานท์ (Chant) ซึ่งมีพื้นผิวเสียงในลักษณะของเพลงทำนองเดียว (Monophonic Texture) ภายหลังได้มีการเพิ่มแนวขับร้องเข้าไปอีกหนึ่งแนว แนวที่เพิ่มเข้าไปใหม่นี้จะใช้ระยะขั้นคู่ ๔ และคู่ ๕ และดำเนินไปในทางเดียวกับเพลงชานท์เดิม การดำเนินทำนองในลักษณะนี้เรียกว่า "ออร์กานุ่ม" (Orgonum)" บทความนี้หมายถึงข้อใด

    1.   ?    Monophonic Texture
    2.   ?    Polyphonic Texture
    3.   ?    Homophonic Texture
    4.   ?    Heterophonic Texture

39. Homophonic Texture หมายความถึงข้อใด

    1.   ?    เป็นลักษณะพื้นผิวของเสียงที่มีแนวทำนองเดียว ไม่มีเสียงประสาน
    2.   ?    เป็นลักษณะพื้นผิวของเสียงที่ประกอบด้วยแนวทำนองตั้งแต่สองแนวทำนองขึ้นไป โดยแต่ละแนวมีความเด่นและเป็นอิสระจากกัน
    3.   ?    เป็นลักษณะพื้นผิวของเสียง ที่ประสานด้วยแนวทำนองแนวเดียว โดยมี กลุ่มเสียง (Chords) ทำหน้าที่สนับสนุน
    4.   ?    เป็นรูปแบบของแนวเสียงที่มีทำนองหลายทำนอง แต่ละแนวมีความสำคัญเท่ากันทุกแนว

40. "แนวทำนอง มักจะเคลื่อนที่ในระดับเสียงสูงที่สุดในบรรดากลุ่มเสียงเดียวกัน ในบางโอกาสแนวทำนองอาจจะเคลื่อนที่ในระดับเสียงต่ำได้เช่นกัน การเคลื่อนที่ของแนวทำนองจะเคลื่อนไปในแนวนอน แต่กลุ่มเสียง (Chords) ที่ทำหน้าที่สนับสนุน จะเคลื่อนไปในแนวตั้ง"
    บทความนี้หมายถึงข้อใด
    

    1.   ?    Monophonic Texture
    2.   ?    Polyphonic Texture
    3.   ?    Homophonic Texture
    4.   ?    Heterophonic Texture

41. Heterophonic Texture หมายความถึงข้อใด

    1.   ?    เป็นลักษณะพื้นผิวของเสียงที่มีแนวทำนองเดียว ไม่มีเสียงประสาน
    2.   ?    เป็นลักษณะพื้นผิวของเสียงที่ประกอบด้วยแนวทำนองตั้งแต่สองแนวทำนองขึ้นไป โดยแต่ละแนวมีความเด่นและเป็นอิสระจากกัน
    3.   ?    เป็นลักษณะพื้นผิวของเสียง ที่ประสานด้วยแนวทำนองแนวเดียว โดยมี กลุ่มเสียง (Chords) ทำหน้าที่สนับสนุน
    4.   ?    เป็นรูปแบบของแนวเสียงที่มีทำนองหลายทำนอง แต่ละแนวมีความสำคัญเท่ากันทุกแนว

42. " ลักษณะการผสมผสานของแนวทำนองในลักษณะนี้ เป็นรูปแบบการประสานเสียงในวัฒนธรรมดนตรีไทย ในการบรรเลงดนตรีไทยแนวหลายแนว ซึ่งอาจจะบรรเลงโดยระนาดเอก ระนาดทุ้ม ขลุ่ย ต่างมีอิสระในการสร้างลีลาของทำนองตามธรรมชาติของเครื่องดนตรีแต่ละเครื่อง แต่จะต้องอยู่ในกรอบของทำนองหลัก (ลูกฆ้อง) ร่วมกัน" บทความนี้หมายถึงข้อใด

    1.   ?    Heterophonic Texture
    2.   ?    Homophonic Texture
    3.   ?    Monophonic Texture
    4.   ?    Polyphonic Texture

43. "คุณลักษณะของเสียงที่กำเนิดจากแหล่งเสียงที่แตกต่างกัน แหล่งกำเนิดเสียงดังกล่าว เป็นได้ทั้งที่เป็นเสียงร้องของมนุษย์และเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ" ประโยคนี้หมายถึงข้อใด

    1.   ?    พื้นผิวเสียง
    2.   ?    ทำนอง
    3.   ?    พื้นฐานจังหวะ
    4.   ?    สีสันของเสียง

44. ข้อใดคือ กลุ่มเครื่องดนตรีที่มีเสียงราบเรียบ ทั้งหมด

    1.   ?    ดีด,สี
    2.   ?    ตี,เป่า
    3.   ?    เป่า ,สี
    4.   ?    ตี,ดีด

45. ข้อใดคือ กลุ่มเครื่องดนตรีที่มีเสียงไม่ราบเรียบ ทั้งหมด

    1.   ?    ดีด,สี
    2.   ?    ตี,เป่า
    3.   ?    เป่า ,สี
    4.   ?    ตี,ดีด

46. ข้อใดคือปัจจัยทำให้เกิดสีสันของเสียง

    1.   ?    วิธีการบรรเลงดนตรี
    2.   ?    วัสดุที่ใช้ทำเครื่องดนตรี
    3.   ?    ขนาดและรูปทรงเครื่องดนตรี
    4.   ?    ถูกหมดทุกข้อ

47. คีตลักษณ์คืออะไร

    1.   ?    รูปแบบของเพลง
    2.   ?    ทำนองเพลง
    3.   ?    เสียง
    4.   ?    พื้นฐานจังหวะ

48. "เปรียบเสมือนกรอบที่หลอมรวมเอาจังหวะ ทำนอง พื้นผิว และสีสันของเสียงให้เคลื่อนที่ไปใน ทิศทางเดียวกัน" บทความนี้หมายถึงข้อใด

    1.   ?    ทำนองเพลง
    2.   ?    พื้นฐานจังหวะ
    3.   ?    คีตลักษณ์
    4.   ?    เสียง

49. ข้อใดคือรูปแบบของเพลงไทยเดิม

    1.   ?    เพลงโหมโรง
    2.   ?    เพลงเถา
    3.   ?    เพลงตับ เพลงเรื่อง
    4.   ?    ถูกทุกข้อ

50. เพลงลูกล้อลูกขัด เพลงเก็บ เพลงกรอ เกี่ยวข้องในด้านใดกับเพลงไทยเดิม

    1.   ?    ลีลาของเพลง
    2.   ?    คีตลักษณ์
    3.   ?    รูปแบบของเพลง
    4.   ?    ถูกทุกข้อ